ระบบการทำงาน โหมด Non-prism กล้อง Total Stationระบบการทำงาน โหมด Non-prism กล้อง Total Station
การทำงานของกล้อง Total Station ใน โหมด Non-prism (Reflectorless Measurement) เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานสำรวจอย่างมาก โดยชื่อ "Non-prism" หรือ "Reflectorless" ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นการวัดระยะทางโดย ไม่ต้องใช้ปริซึม (Prism) หรือเป้าสะท้อนแสง
_________________________________________
หลักการทำงานของโหมด Non-prism
- การส่งสัญญาณเลเซอร์: กล้อง Total Station จะส่งลำแสงเลเซอร์ (มักจะเป็นเลเซอร์สีแดงที่มองเห็นได้) ออกไปจากตัวเครื่องไปยังวัตถุเป้าหมายที่ต้องการวัดระยะ
- การสะท้อนกลับ: แทนที่จะสะท้อนกลับจากปริซึม สัญญาณเลเซอร์นี้จะ **สะท้อนกลับโดยตรงจากพื้นผิวของวัตถุเป้าหมาย** (เช่น ผนังอาคาร, เสาไฟฟ้า, หน้าผา, ต้นไม้) กลับมายังตัวรับสัญญาณในกล้อง
- การคำนวณระยะทาง: ระบบ EDM (Electronic Distance Measurement) ภายในกล้องจะวัด **เวลาที่ลำแสงเลเซอร์ใช้ในการเดินทางไปและกลับ** จากนั้นจึงใช้สูตรคำนวณระยะทางโดยอาศัยความเร็วแสง (ระยะทาง = (ความเร็วแสง × เวลา) / 2)
- การคำนวณพิกัด: เมื่อได้ระยะทางและมุม (ทั้งมุมราบและมุมดิ่ง) กล้องจะใช้คอมพิวเตอร์ภายในคำนวณหาค่าพิกัด 3 มิติ (X, Y, Z หรือ Easting, Northing, Elevation) ของจุดเป้าหมายนั้น และแสดงผลบนหน้าจอให้ผู้ใช้งานทราบทันที
_________________________________________
ข้อดีของโหมด Non-prism
- ความสะดวกและรวดเร็ว: ไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยไปตั้งปริซึมที่จุดเป้าหมาย ช่วยประหยัดเวลาและลดจำนวนบุคลากร ทำให้งานสำรวจเสร็จเร็วขึ้นมาก
- เข้าถึงจุดยาก: สามารถวัดระยะไปยังจุดที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง หรือจุดที่อันตราย เช่น หน้าผา, อาคารสูง, ใต้สะพาน, เขื่อน, พื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ, หรือพื้นที่ที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูง
- ความยืดหยุ่นสูง: สามารถวัดระยะจากพื้นผิวใดก็ได้ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงเพียงพอ ไม่จำกัดเฉพาะจุดที่สามารถตั้งปริซึมได้
- การสำรวจเบื้องต้น: เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลเบื้องต้นของภูมิประเทศหรือสิ่งปลูกสร้างในโครงการใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว
- ความปลอดภัย: ช่วยลดความเสี่ยงที่บุคลากรจะต้องเข้าไปในพื้นที่อันตราย
___________________________________________
ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณาในโหมด Non-prism
- ความแม่นยำ: โดยทั่วไปแล้ว ความแม่นยำในการวัดระยะด้วยโหมด Non-prism มักจะ **ต่ำกว่า** การวัดด้วยปริซึมเล็กน้อย โดยเฉพาะในระยะไกลๆ (อาจจะอยู่ระดับ 3-5 mm + 3-5 ppm ในขณะที่ใช้ปริซึมอาจจะ 1-2 mm + 1-2 ppm)
- ระยะทำการ: ระยะที่สามารถวัดได้ในโหมด Non-prism จะ **สั้นกว่า** การวัดด้วยปริซึมมาก (เช่น Total Station อาจวัดด้วยปริซึมได้ถึง 3,000-5,000 เมตร แต่ Non-prism อาจทำได้เพียง 300-1,000 เมตร ขึ้นอยู่กับรุ่นและสภาพพื้นผิว)
- สภาพพื้นผิวเป้าหมาย: คุณสมบัติการสะท้อนแสงของพื้นผิววัตถุมีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการวัด
- พื้นผิวสีอ่อน/สว่าง/เรียบ: จะสะท้อนแสงได้ดีกว่า ทำให้วัดได้ไกลและแม่นยำกว่า
- พื้นผิวสีเข้ม/ด้าน/ขรุขระ: จะสะท้อนแสงได้ไม่ดี ทำให้วัดได้สั้นลงและอาจมีข้อผิดพลาดสูงขึ้น
- พื้นผิวที่ดูดซับแสง: เช่น ผ้า, ยางมะตอยดำ อาจวัดได้ยากหรือไม่สามารถวัดได้เลย
- สภาพแวดล้อม: แสงแดดจ้า, หมอก, ควัน, ฝุ่นละออง, ฝนตกหนัก สามารถรบกวนสัญญาณเลเซอร์และลดความแม่นยำหรือระยะทำการลงได้
- ขนาดจุดเลเซอร์ (Laser Spot Size): ในระยะไกล จุดเลเซอร์ที่ยิงออกไปจะใหญ่ขึ้น อาจครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างกว่าจุดที่ต้องการวัดจริง ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้หากเป้าหมายมีรายละเอียดเล็กๆ หรืออยู่ใกล้ขอบวัตถุ
________________________________________________
การใช้งานและเทคนิค
- เลือกโหมดที่เหมาะสม: ผู้ใช้งานควรเลือกระหว่างโหมด Prism และ Non-prism ให้เหมาะสมกับลักษณะงานและความแม่นยำที่ต้องการ
- ตรวจสอบเป้าหมาย: เล็งให้มั่นใจว่าจุดเลเซอร์ตกกระทบเป้าหมายที่ต้องการวัดจริงๆ โดยเฉพาะในระยะไกล
- ป้อนค่าสภาพอากาศ: หากกล้องมีฟังก์ชัน ให้ป้อนค่าอุณหภูมิและความกดอากาศเพื่อช่วยให้การคำนวณระยะทางแม่นยำขึ้น
- ความเข้าใจในข้อจำกัด: ช่างสำรวจควรเข้าใจข้อจำกัดของโหมด Non-prism เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดในการสำรวจ
โดยสรุปแล้ว โหมด Non-prism เป็นคุณสมบัติที่ทรงพลังของกล้อง Total Station ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานและประสิทธิภาพได้อย่างมาก ทำให้งานสำรวจในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือต้องการความรวดเร็วเป็นไปได้ แต่ก็ต้องพิจารณาข้อจำกัดด้านความแม่นยำและระยะทางเมื่อเทียบกับการใช้ปริซึม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด
ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด