การใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดในการหาค่า Pile Deviate

Last updated: 21 ก.ค. 2568  |  34 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดในการหาค่า Pile Deviate

การใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดในการหาค่า Pile Deviate: สำคัญอย่างไรในงานก่อสร้าง?

การควบคุมคุณภาพในงานก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของฐานรากอย่างเสาเข็ม Pile Deviate คือหนึ่งในค่าที่สะท้อนถึงคุณภาพการตอกเสาเข็มได้อย่างชัดเจน และปัจจุบัน เราสามารถประยุกต์ใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดมาช่วยในการหาค่า Pile Deviate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อคุณมีค่าพิกัดของตำแหน่งเสาเข็มที่ตอกจริง ซึ่งได้จากการสำรวจด้วยกล้อง Total Station หรือ GNSS RTK และนำมาเปรียบเทียบกับตำแหน่งพิกัดตามแบบก่อสร้าง


Pile Deviate คืออะไร?

Pile Deviate หมายถึง "ระยะเบี่ยงเบนของตำแหน่งเสาเข็มที่ตอกจริง จากตำแหน่งที่ออกแบบไว้ในแบบก่อสร้าง" โดยทั่วไปแล้ว ค่าเบี่ยงเบนนี้จะคำนวณจากความแตกต่างของตำแหน่งในแนวแกน X และ Y (ด้านราบ) แต่ก็อาจรวมถึงแนวแกน Z (แนวดิ่ง) ด้วย หากมีการตรวจสอบความตรงดิ่งของเสาเข็มด้วย

การใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ Pile Deviate ดังนี้:

1. เปรียบเทียบพิกัดจริงกับพิกัดตามแบบ (Design vs As-built)

คุณสามารถใช้โปรแกรมหลากหลายประเภทในการนำเข้าข้อมูลพิกัดเสาเข็มที่วัดได้จริง (As-built) และพิกัดตามแบบ (Design) เพื่อเปรียบเทียบและคำนวณหาค่าเบี่ยงเบน ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้ ได้แก่:

  • Excel (พื้นฐาน): สำหรับการคำนวณพื้นฐานและแสดงผลในรูปแบบตาราง
  • AutoCAD + Coordinate Report: ใช้สำหรับแสดงตำแหน่งบนแผนที่และดึงรายงานพิกัด
  • Civil 3D / Land Development: โปรแกรมเฉพาะทางด้านงานโยธาที่สามารถจัดการข้อมูลพิกัดและสร้างรายงานได้ละเอียด
  • โปรแกรมสำรวจเฉพาะทาง: เช่น Trimble Business Center (TBC), Leica Infinity, หรือ Topcon Magnet Office ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่องานสำรวจโดยเฉพาะ

2. ตรวจสอบและรายงานจุดที่เบี่ยงเบนเกินเกณฑ์

โปรแกรมเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถ ตั้งค่าระยะเบี่ยงเบนสูงสุดที่ยอมรับได้ (เช่น 50 มิลลิเมตร) เมื่อกำหนดเกณฑ์แล้ว โปรแกรมจะสามารถกรองหรือแสดงจุดที่ตอกเสาเข็มแล้วมีค่าเบี่ยงเบนเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้ได้ทันที สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับการตัดสินใจว่าจำเป็นต้องทำการแก้ไข หรือประเมินผลกระทบต่อโครงสร้างต่อไป

3. วิเคราะห์แบบกลุ่ม / เป็นโครงการ

นอกจากจะตรวจสอบเป็นรายต้นแล้ว โปรแกรมยังสามารถวิเคราะห์ค่า Pile Deviate ทั้งโครงการได้ ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมว่า:

  • มีลักษณะการเบี่ยงเบนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะหรือไม่
  • ปัญหาการเบี่ยงเบนนั้นอาจเกิดจากระบบการตอกเสาเข็มหรือความคลาดเคลื่อนของอุปกรณ์สำรวจหรือไม่
  • ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการวางแผนควบคุมคุณภาพและปรับปรุงวิธีการทำงานในอนาคต

ข้อควรระวังในการใช้งาน:

เพื่อให้การใช้โปรแกรมเช็คค่าพิกัดมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรระวังในประเด็นสำคัญดังนี้:

  • ความแม่นยำของพิกัดที่วัดจริง: พิกัดที่วัดจากหน้างานจริงต้องมาจากการตั้งกล้องและตั้งโพลอย่างแม่นยำที่สุด
  • ระบบพิกัดต้องตรงกัน: ข้อมูลพิกัดทั้งหมด (ทั้งแบบและที่วัดจริง) ต้องอยู่ในระบบพิกัดเดียวกัน เช่น WGS84, UTM, หรือ Local Grid เพื่อให้การเปรียบเทียบเป็นไปอย่างถูกต้อง
  • ตรวจสอบความคลาดเคลื่อนเครื่องมือ: ควรพิจารณาถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดจากเครื่องมือสำรวจ และทำการสอบเทียบอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ

สรุป:

การใช้โปรแกรมตรวจค่าพิกัดสามารถประยุกต์ใช้ในการหาค่า Pile Deviate ได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบ ถือเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการ ควบคุมคุณภาพงานตอกเสาเข็ม ช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแผน ลดความเสี่ยงของปัญหาโครงสร้างในอนาคต และเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการโดยรวม



ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้