ทำไมงาน Monitoring อาคารต้องเก็บค่าระดับซ้ำหลายรอบ
การตรวจสอบการทรุดตัวของอาคาร (Settlement Monitoring) เป็นกระบวนการสำคัญในงานวิศวกรรมโยธา ซึ่งจำเป็นต้องมีการเก็บค่าระดับซ้ำหลายรอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและสามารถนำมาวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ต้องเก็บข้อมูลซ้ำหลายรอบ
- การทรุดตัวไม่เกิดขึ้นทันที: การทรุดตัวของอาคารหรือฐานรากเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและใช้เวลานาน การวัดเพียงครั้งเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าการทรุดตัวยังคงดำเนินต่อไปหรือหยุดแล้ว การเก็บข้อมูลซ้ำจะช่วยให้เห็นภาพรวมของการเปลี่ยนแปลง
- เพื่อหาแนวโน้ม (Trend): การนำค่าระดับ (RL - Reduced Level) ของหมุดตรวจวัดที่เก็บมาหลายรอบมาเปรียบเทียบกัน จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของการทรุดตัวได้ เช่น หากค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ามีการทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง แต่หากค่าคงที่แสดงว่าพื้นเริ่มนิ่งแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
- ตรวจสอบความแม่นยำ: การวัดในแต่ละครั้งอาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อม หรือความคลาดเคลื่อนจากเครื่องมือ การเก็บข้อมูลซ้ำหลายรอบจะช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผลลัพธ์โดยการนำค่ามาหาค่าเฉลี่ย
- เป็นไปตามข้อกำหนด: งาน Monitoring ส่วนใหญ่มีข้อกำหนดความถี่ในการวัด เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส ตามที่วิศวกรหรือเจ้าของโครงการกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน
ตัวอย่างการใช้งานจริง
- อาคารสูง: มักจะมีการวัดระดับทุกสัปดาห์ในช่วงการก่อสร้างและทุกเดือนหลังจากสร้างเสร็จ เพื่อดูการทรุดตัวของเสาเข็ม
- เขื่อนหรือสะพาน: มีการวัดระดับทุกเดือนหรือทุกไตรมาสเพื่อเฝ้าระวังการทรุดตัวจากน้ำหนักหรือแรงดันน้ำ
- โกดังหรือโรงงาน: มีการวัดระดับทุก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อตรวจสอบการทรุดตัวของพื้นจากการใช้งานหนัก
สรุป: การเก็บค่าระดับซ้ำหลายรอบในงาน Monitoring ไม่ใช่การทำงานที่ซ้ำซ้อน แต่เป็นกระบวนการที่จำเป็นเพื่อจับการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่สะสมในระยะเวลา ซึ่งช่วยให้สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงทีว่าโครงสร้างยังคงปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงที่ต้องแก้ไข
ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด