Last updated: 1 ต.ค. 2568 | 47 จำนวนผู้เข้าชม |
ในการสำรวจภาคสนาม นอกจากการใช้เทปวัดระยะหรือกล้อง Total Station แล้ว เทคนิคดั้งเดิมอย่าง การวัดสเตเดีย (Stadia Method) ยังมีประโยชน์ โดยเฉพาะในงานสำรวจภูมิประเทศที่ต้องการเก็บข้อมูลระยะทางและความสูงอย่างรวดเร็ว ด้วย กล้องวัดมุม (Theodolite) ร่วมกับไม้สต๊าฟ กล้องวัดมุมจะมีเส้นใย 3 เส้นในสายตา ได้แก่ เส้นบน เส้นกลาง และเส้นล่าง เมื่อเล็งไปที่ไม้สต๊าฟ เราจะอ่านค่าที่เส้นบนและเส้นล่างตัดกับไม้ได้ แล้วหาผลต่างซึ่งเรียกว่า ระยะสเตเดีย s โดยที่ D คือระยะทางแนวนอน, k คือค่าคงที่สเตเดีย (มักเท่ากับ 100), s คือระยะสเตเดีย (ผลต่างค่าบนกับล่าง), และ C คือค่าชดเชยโฟกัส (ปัจจุบันมักเล็กมากจนละได้) หากเส้นเล็งทำมุมเอียงกับแนวนอน ให้ใช้มุมดิ่ง θ เข้ามาแก้ค่าดังนี้ การวัดสเตเดียเป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการเก็บรายละเอียดภูมิประเทศหรือพื้นที่กว้างที่ไม่สะดวกใช้เทปวัด หลักการคืออ่านค่าที่สต๊าฟ หาผลต่าง คูณค่าคงที่ และแก้ค่าตามมุมดิ่งเมื่อจำเป็นการหาระยะทางด้วยวิธีสเตเดีย (Stadia Method) โดยใช้กล้องวัดมุม
หลักการของการวัดสเตเดีย
ระยะทางแนวนอนพื้นฐาน:
D = (k · s) + C
ตัวอย่างการอ่าน:
เส้นบน = 1.525 m
เส้นล่าง = 1.325 m
s = 1.525 - 1.325 = 0.200 m
k = 100
คำนวณ:
D = 100 × 0.200 = 20.00 m
กรณีที่กล้องเอียง
ระยะทางเอียง (Slope Distance):
L = k · s
ระยะทางแนวนอน (Horizontal Distance):
D = (k · s) · cos²(θ)
ความต่างระดับ (Vertical Difference):
Δh = (k · s) · ½ sin(2θ)
ขั้นตอนการปฏิบัติ (ภาคสนาม)
ข้อดีของวิธีสเตเดีย
สรุป