Last updated: 8 ต.ค. 2568 | 35 จำนวนผู้เข้าชม |
งานวางท่อระบายน้ำฝนในเขตเมืองเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำในการควบคุม ระดับความลาดเอียง (Slope) ของท่อ เพื่อให้น้ำสามารถไหลระบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดการอุดตัน หรือน้ำท่วมขัง กล้องระดับ (Auto Level) เป็นเครื่องมือหลักและง่ายที่สุดที่ใช้ในการควบคุมงานนี้
ท่อระบายน้ำจะทำงานได้ดีต้องอาศัยแรงโน้มถ่วงในการพาน้ำจากจุดที่สูงกว่าไปยังจุดที่ต่ำกว่า การออกแบบจึงมีการกำหนด ความลาดเอียงขั้นต่ำ ไว้เสมอ (เช่น $1:100$ หรือ $1:200$)
กล้องระดับจึงถูกใช้เพื่อตรวจสอบว่าท้องท่อ (Invert Level) มีความลาดเอียงคงที่ตามที่ออกแบบไว้ตลอดแนวท่อ .
การควบคุมระดับท่อระบายน้ำทำได้โดยการอ้างอิงจาก จุดอ้างอิงหลัก (Benchmark, BM) และคำนวณหาค่าความสูงของท้องท่อที่ถูกต้อง (Design Invert Level) ณ ตำแหน่งนั้น ๆ
$$HI = Z_{BM} + \text{BS}$$
($Z_{BM}$ คือค่าระดับของจุดอ้างอิง, BS คือค่าที่อ่านได้จากไม้สต๊าฟเมื่อเล็งไปที่จุดอ้างอิง)
($Z_{Target}$ คือค่าระดับที่ออกแบบไว้ของท้องท่อ ณ จุดนั้น)
$$\text{Target Reading} = HI - Z_{Target}$$
(ค่านี้คือค่าที่ช่างควบคุมจะต้องอ่านได้จากไม้สต๊าฟเมื่อวัดที่ท้องท่อ)
แม้กล้องระดับจะควบคุมระดับ ($Z$) เป็นหลัก แต่การควบคุมแนวเส้น ($X, Y$) ของท่อก็มีความสำคัญควบคู่กันไป ในเขตเมืองมักใช้ เชือกนำแนว หรือ กล้อง Total Station ในการกำหนดแนวท่อบนพื้นผิว ก่อนที่จะใช้กล้องระดับควบคุมความสูงในแนวดิ่ง
กล้องระดับเป็นเครื่องมือที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมงานวางท่อระบายน้ำฝนในเขตเมือง การใช้หลักการคำนวณ $\text{HI}$ และ $\text{Target Reading}$ อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ท่อระบายน้ำมีความลาดเอียงตามที่ออกแบบไว้ ทำให้ระบบระบายน้ำของเมืองทำงานได้อย่างเต็มที่และลดปัญหาน้ำท่วมขังได้อย่างยั่งยืน
3 ต.ค. 2568